Blog

  • Upscayl: ชุบชีวิตใหม่ให้ภาพความละเอียดต่ำของคุณด้วย AI ฟรี

    Upscayl: ชุบชีวิตใหม่ให้ภาพความละเอียดต่ำของคุณด้วย AI ฟรี

    เคยเจอรูปที่มีค่าแต่มันดูเบลอหรือเห็นพิกเซลเกินไปหรือไม่? เคยอยากจะเพิ่มคุณภาพของมันอย่างมหัศจรรย์โดยไม่สูญเสียรายละเอียดไหม? ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป! Upscayl พร้อมเป็นฮีโร่ในการขยายภาพของคุณ

    Upscayl คืออะไร?

    Upscayl เป็นเครื่องมือ AI ฟรีและโอเพนซอร์สที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดในการขยายและเพิ่มคุณภาพภาพความละเอียดต่ำของคุณ คิดว่ามันเป็นเหมือนไม้กายสิทธิ์สำหรับคอลเลกชันรูปภาพของคุณ ที่เปลี่ยนความทรงจำที่เกรนหยาบให้กลายเป็นผลงานศิลปะที่คมชัดและสดใส

    image-32-1024x746 Upscayl: ชุบชีวิตใหม่ให้ภาพความละเอียดต่ำของคุณด้วย AI ฟรี

    Upscayl ทำงานอย่างไร?

    ความลับเบื้องหลังผลลัพธ์ที่น่าประทับใจของ Upscayl อยู่ที่โมเดล AI อันทรงพลัง โมเดลเหล่านี้ถูกฝึกฝนด้วยชุดข้อมูลภาพขนาดใหญ่ ทำให้สามารถ “เดา” รายละเอียดที่หายไปในรูปของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ Upscayl ใช้ประโยชน์จากสถาปัตยกรรม Real-ESRGAN และ Vulkan เพื่อให้บรรลุความสำเร็จนี้ รับประกันการขยายภาพคุณภาพสูง

    โอเพนซอร์สเพื่อความโปร่งใส

    ความโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Upscayl นั่นคือเหตุผลที่โค้ดแบ็กเอนด์ของพวกเขาเป็นโอเพนซอร์สทั้งหมดภายใต้ใบอนุญาต AGPLv3 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ไม่เพียงแต่ไว้วางใจกระบวนการ แต่ยังสามารถมีส่วนร่วมในการปรับปรุงในอนาคตได้

    มี Command-Line Interface (CLI) สำหรับผู้ใช้ขั้นสูงหรือไม่?

    สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับคอมมานด์ไลน์ Upscayl มีเครื่องมือเฉพาะที่เรียกว่า upscayl-ncnn ซึ่งช่วยให้ควบคุมกระบวนการขยายภาพได้ละเอียดยิ่งขึ้น

    Upscayl และฮาร์ดแวร์ของคุณ:

    เพื่อปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของ Upscayl คุณจำเป็นต้องมีคอมพิวเตอร์ที่มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แยก น่าเสียดายที่กราฟิกแบบรวม (iGPUs) และ CPUs ส่วนใหญ่จะใช้งานไม่ได้เนื่องจาก Upscayl ต้องพึ่งพา NCNN Vulkan ซึ่งต้องการ GPU ที่รองรับ Vulkan

    อย่างไรก็ตาม ลองใช้ดูก็ไม่เสียหาย! สำหรับผู้ใช้ Windows และ Linux วิธีแก้ปัญหาที่พัฒนาโดย @Wyrdgirn อาจช่วยได้ (ดูรายละเอียดที่ issue #390 บน Github repository ของ Upscayl) ในขณะนี้ยังไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่คล้ายกันสำหรับผู้ใช้ macOS และ Haiku แต่ชุมชน Upscayl ยังคงสร้างนวัตกรรมอยู่เสมอ

    พร้อมที่จะขยายภาพของคุณหรือยัง?

    เข้าไปที่เว็บไซต์ Upscayl (https://upscayl.org) เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมและดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ ด้วย Upscayl คุณสามารถชุบชีวิตใหม่ให้กับภาพที่มีค่าของคุณ เก็บรักษาความทรงจำในความคมชัดที่น่าทึ่ง

  • AI อย่าง Claude 3.5 Sonnet สามารถควบคุมเมาส์เพื่อทำ task แทนคุณได้แล้ว!!

    AI อย่าง Claude 3.5 Sonnet สามารถควบคุมเมาส์เพื่อทำ task แทนคุณได้แล้ว!!

    Anthropic บริษัทด้าน AI ได้เปิดตัวโมเดล AI ใหม่ชื่อ Claude 3.5 Sonnet ที่สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้เหมือนที่คนทำ โดย AI นี้สามารถโต้ตอบกับแอปพลิเคชันบนเดสก์ท็อป เช่น การพิมพ์ และคลิกผ่าน API ชื่อ “Computer Use” ที่ยังอยู่ในขั้นทดลองใช้งาน

    image-27-1024x576 AI อย่าง Claude 3.5 Sonnet สามารถควบคุมเมาส์เพื่อทำ task แทนคุณได้แล้ว!!

    Claude 3.5 Sonnet สามารถประมวลผลภาพหน้าจอคอมฯของผู้ใช้งาน และใช้คำสั่งให้เคอร์เซอร์เคลื่อนไปในตำแหน่งที่ถูกต้อง นอกจากนี้ Claude สามารถปรับปรุงความผิดพลาดได้เอง และลองทำซ้ำจนกว่าจะสำเร็จ

    ทาง Anthropic มองว่าการพัฒนา AI ดังกล่าวสามารถช่วยทำให้งานที่ใช้เวลามากกลายเป็นเรื่องง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีความท้าทาย เช่น การสั่งจองตั๋วเครื่องบินที่ AI ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร (จากการทดลอง)

    ถึงแม้ AI นี้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่ Anthropic ได้วางแผนเพื่อป้องกันการใช้งานที่ไม่เหมาะสม เช่น การไม่ให้ AI เข้าถึงข้อมูลที่เสี่ยงต่อความปลอดภัย และเตรียมรับมือกับการใช้งาน AI อย่างผิดๆในการเลือกตั้งที่จะมาถึง

    นอกจากนี้ Anthropic ยังพัฒนาโมเดลใหม่ชื่อ Claude 3.5 Haiku ซึ่งมีคุณภาพเดียวกับ Claude 3 Opus แต่ประหยัดต้นทุนมากกว่า และจะมีความเร็วในการประมวลผลที่เทียบเท่ากัน ซึ่งเหมาะสำหรับใช้เป็น chatbot ส่วนตัวและการจัดการข้อมูล data ขนาดใหญ่

    image-28-1024x576 AI อย่าง Claude 3.5 Sonnet สามารถควบคุมเมาส์เพื่อทำ task แทนคุณได้แล้ว!!
    image-29-1024x576 AI อย่าง Claude 3.5 Sonnet สามารถควบคุมเมาส์เพื่อทำ task แทนคุณได้แล้ว!!
    image-30-1024x576 AI อย่าง Claude 3.5 Sonnet สามารถควบคุมเมาส์เพื่อทำ task แทนคุณได้แล้ว!!
  • มุมมอง’พนักงาน’ต่อ AI : นวัตกรรมที่จะมา ‘ช่วยเหลือ’ หรือ ‘แย่งงาน’ ?

    มุมมอง’พนักงาน’ต่อ AI : นวัตกรรมที่จะมา ‘ช่วยเหลือ’ หรือ ‘แย่งงาน’ ?

    Artificial Intelligence (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมออฟฟิศอย่างปฏิเสธไม่ได้

    เมื่อบริษัทต่างๆ ผสานเครื่องมือ AI เข้ากับกระบวนการทำงานมากขึ้น จึงเกิดการถกเถียงอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับบทบาทของมันในชีวิตการทำงานของเรา

    การศึกษาล่าสุดโดย Slack ได้ลงลึกเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับการนำ AI มาใช้ในสำนักงาน บทความนี้จะสำรวจทัศนคติและความกังวลต่างๆ นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคนทำงานกับเทคโนโลยี AI

    ความหลากหลายของ feedback ใน survey ของ Slack ชี้ให้เห็นถึงสเปกตรัมที่กว้างของการยอมรับต่อ AI

    ในด้านหนึ่ง เรามี The Maximalists (สุดโต่ง) และ Underground user (ใต้ดิน) คนกลุ่มนี้ยอมรับ AI อย่างเปิดเผยหรือใช้งานอย่างระมัดระวัง (เนื่องจากกลัวการตีตราว่าใช้ AI ได้งานคุณภาพต่ำ/ไม่ตรวจงาน/ขี้เกียจ/ทำงานไม่เป็น)

    เหล่า Maximalists กระตือรือร้นเกี่ยวกับศักยภาพของ AI และพูดคุยเกี่ยวกับการใช้งานอย่างเปิดเผย สร้างสภาพแวดล้อมด้วยเรื่องราวความสำเร็จของ AI สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น

    ในทางตรงกันข้าม Underground users มีความระมัดระวัง มักเป็นเพราะแนวทางของบริษัทไม่สนับสนุน

    โดย Slack แนะนำว่าองค์กรสามารถสนับสนุน Underground users ได้โดยการสร้างนโยบายที่ส่งเสริมการใช้ AI และให้ความรู้ในที่ทำงานว่า “AI มีบทบาทในการเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ไม่ใช่มาแทนที่มนุษย์”

    การจัดการกับความกังวลเหล่านี้ บริษัทสามารถสร้างบรรยากาศที่แสดงให้เห็นประโยชน์ของ AI และบรรเทาความกลัวของผู้ที่ลังเลที่จะนำมาใช้

    อีกฝั่งหนึ่งของแรงงาน ที่เรียกว่า The Rebels (ต่อต้าน) ส่วนใหญ่ประกอบด้วยผู้หญิงและพนักงานที่มีอายุสูง คนกลุ่มนี้มักมอง AI ด้วยแง่ลบ กลัวการแทนที่งานด้วยเครื่องจักร

    ความลังเลนี้มีรากฐานมาจากการขาดความมั่นใจในตำแหน่ง และมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับ AI ในฐานะภัยคุกคามต่องาน

    สำคัญมากที่นายจ้างต้องเปิดใจยอมรับความกลัวเหล่านี้และสร้างความไว้วางใจให้กับพวกเขา สามารถทำได้โดยการมีส่วนร่วมในการสนทนาแบบเปิดใจเกี่ยวกับจุดประสงค์ของ AI ความสามารถของมัน และการให้ความมั่นใจเกี่ยวกับความมั่นคงในตำแหน่งงาน

    การฝึกอบรมเกี่ยวกับ AI อาจช่วยลดช่องว่างในการนำ AI มาใช้สำหรับคนหลายๆกลุ่ม ทำให้เทคโนโลยีเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและน่ากลัวน้อยลง

    เพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่มอง AI ในแง่บวก บริษัทต้องดำเนินการเชิงรุก

    ประการแรก การกำหนดแนวทาง AI ที่ชัดเจน แจ้งให้พนักงานทราบถึงวิธีการใช้งานและประโยชน์ หากไม่มีคำแนะนำ พนักงานอาจรู้สึกไม่แน่ใจหรือลังเลที่จะทดลองใช้ AI

    ประการที่สอง บริษัทควรส่งเสริมนวัตกรรม AI อย่างเปิดเผย แสดงให้เห็นการประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความเป็นจริงภายในองค์กร

    สุดท้าย การสร้างวัฒนธรรมแห่งการทดลอง ช่วยให้พนักงานสามารถสำรวจศักยภาพของ AI ได้อย่างสบายใจ การแนะนำงานเล็กๆ น้อยๆ เช่น การใช้ AI ในการร่างอีเมลหรือสรุปรายงาน สามารถเป็นจุดเริ่มต้นที่ขจัดความซับซ้อนที่รับรู้และเน้นย้ำบทบาทในการใช้ AI เพื่อสนับสนุน

    การถกเกียงเกี่ยวกับ AI ในที่ทำงานยังคงดำเนินต่อไป และเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น ประเด็นนี้ก็จะพัฒนาตามไปด้วย การสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุน AI จะทำให้บริษัทสามารถใช้ประโยชน์พลิกความวิตกกังวลที่แฝงอยู่ให้กลายเป็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

    ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่ใช้ประโยชน์จาก AI ได้จะมีแนวโน้มที่จะเข้ามาแทนผู้ที่ไม่ได้ใช้ AI